สิรีธร มาดี
มนุษย์เรามีความรู้สึกมากมาย ความเจ็บปวด ความรัก ความเศร้า ความถวิลหา สิ่งที่หนักหนาเหล่านี้อัดแน่นอยู่ในหัวใจอันแสนเปราะบางของมนุษย์ เราทุกคนมีวิธีแสดงออกต่างกัน บ้างผ่านบทเพลง บ้างผ่านภาพยนตร์ บ้างก็ผ่านภาพวาด เราสร้างและจัดแสดงความรู้สึกเหล่านั้นดั่งนิทรรศการส่วนตัวอยู่เสมอในทุกๆวัน — จะดีแค่ไหนหากมีพื้นที่มากกว่านี้ให้ได้แบ่งปันความรู้สึกอันเป็นดั่งผลงานชิ้นเอกกับผู้อื่น แต่การถูกกดทับด้วยน้ำหนักของโลกความเป็นจริงที่ว่าศิลปะจะไม่เติบโตในประเทศเผด็จการนั้น หนักอึ้งจนทำให้รู้สึกดั่งตัวตนของเราช่างเบาหวิว ได้แต่หวังเพียงสักวันว่าผลงานศิลป์จะไม่ถูกด้อยค่าและมีพื้นที่ขึ้นมาบ้าง / ดั่งที่ได้กล่าวไปตอนต้น ฉันไม่ได้หวังอะไรมากมายเพียงนอกจากการอยากเห็นสังคมที่ผลงานศิลปะจะไม่ถูกด้อยค่า ถูกกดราคาให้ต่ำ หรือถูกจำกัดอยู่แค่ในบ้างพื้นที่ที่ซึ่งให้เพียงแค่คนบางกลุ่มเข้าถึงได้เท่านั้น ฉันหวัง — หวังเหลือเกินว่าในสักวันจะมีพื้นที่มากพอให้กับผลงานศิลปะในทุกแขนงรวมถึงผลงานจากศิลปินตัวเล็กๆได้งอกเงยขึ้นมาในประเทศแห่งนี้ มีพื้นที่มากพอที่จะสนับสนุนและเปิดโอกาสให้กับทุกคน เพราะมนุษย์เรานั้นต่างก็ใช้ศิลปะในการเยียวยาหัวใจของเราเองในทุก ๆ วัน ดั่งเช่นในยามที่เจ็บปวดเหมือนถูกมีดนับพันเสียดแทงหัวใจ เราต่างซบหน้าลงกับบทเพลงเพื่อช่วยปลอบประโลม รวมถึงในคราวที่สุขมากก็อาจสร้างภาพวาดที่ยิ่งใหญ่ออกมาด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น หรือจะเป็นในคราที่อยากหลีกหนีโลกความเป็นจริงก็ใช้ภาพยนตร์เป็นตัวช่วย สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเรานั้นต่างก็มีวิธีรับมือและหาที่พักพิงให้กับความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วยศิลปะที่แตกต่างกัน แต่จะดีแค่ไหนหากศิลปะได้รับการสนับสนุนให้มีพื้นที่ของการแสดงออกมากกว่านี้และสามารถกระจายการเข้าถึงได้อย่างกว้างขวางให้มนุษย์สามารถร่วมแบ่งปัน เสพสมและชื่นชมความรู้สึกของอีกฝ่ายผ่านผลงานที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างเต็มที่และมีให้เลือกสรรค์ หากเพียงแค่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ได้รับการดูแลและให้ความสำคัญในคุณค่าของศิลปะ หากได้รับเพียงแค่นั้นก็เพียงพอจนไม่แน่ว่าประเทศไทยในตอนนี้อาจจะมีหอศิลป์เป็นร้อย ๆ แห่ง ผู้คนในต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงผลงานศิลปะได้ เด็ก ๆ ในต่างจังหวัดก็มีพื้นที่ให้แสดงตัวตน และไม่เพียงแต่ผลงานศิลปะในแขนงของภาพวาดเท่านั้น แต่ฉันยังหวังว่าศิลปะในแขนงอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น สตรีทอาร์ท งานหัตถกรรม งานกราฟิกดีไซน์ ฯลฯ ศิลปะทุกแขนงจะไม่ถูกด้อยค่าให้กระจุกอยู่กับแค่กลุ่มคนบางส่วนและถูกมองว่าเป็นสิ่งที่มีราคาแพง รวมถึงฉันยังหวังว่าค่านิยมที่กล่าวว่าการเป็น ‘ศิลปินมักจะไส้แห้ง’ นั้นจะหมดไปด้วย เพราะสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นชัดว่าประเทศไทยนั้นไม่เคยให้ค่ากับผู้ที่ใช้ศิลปะในการสร้างรายได้เลย ทั้งที่การสร้างชิ้นงานศิลปะขึ้นมาหนึ่งชิ้นนั้นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และแรงใจรวมถึงแรงกายเป็นอย่างมาก การที่ศิลปินได้รับค่าตอบแทนเพียงน้อยนิดจากการทุ่มเทความคิดนั้นก็ตอกย้ำให้เห็นถึงประโยคที่ว่า ศิลปะจะไม่เติบโตในประเทศเผด็จการ ว่าเป็นจริงเสมอมา ประเทศไทยแม้จะอ้างตนว่าไม่ใช่ประเทศเผด็จการแต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยลบข้อเท็จจริงที่ว่าประเทศไทยเองก็ไม่เคยให้ค่าและเห็นความสำคัญของศิลปะเท่าที่ควร เด็กๆไม่เคยถูกผลักดันให้มีความฝันในด้านศิลปะหากไม่มีต้นทุนชีวิตมากพอ มีหลายคนที่ต้องทิ้งตัวตนเพื่อทำตามระบอบทุนนิยมในประเทศแห่งนี้ — ช่างน่าเศร้า ในสักวันหนึ่ง อาจจะอีกห้าปี สิบปี หรือ ยี่สิบปีต่อจากนี้ฉันไม่รู้เลยว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นไหม แต่ฉันก็หวังว่าจะมีสักวัน สักวันที่ศิลปะงอกงามและเด็กๆไม่ต้องละทิ้งความฝันของตนเองในประเทศแห่งนี้อีก state of g
ศิลปะช่วยใหัได้รับรู้ถึงความละเอียดอ่อนในจิตใจของมนุษย์ ประโยคให้กำลังใจคนที่สนใจศิลปะ : ถ้าวันไหนหมดไฟหรือรู้สึกไม่มีคำตอบให้ชีวิต ก็ไม่เป็นอะไรเลยนะคะ งานคุณเจ๋งที่สุดแล้ว สร้างต่อไปนะ